เลือกคลาสโยคะแบบไหน ให้ถูกใจกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
ปัจจุบันการออกกำลังกายในรูปแบบของการเล่นโยคะเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยโยคะนั้นมีวิธีการเล่นหลากหลายรูปแบบ บางรูปแบบเราก็ต้องออกแรงเล่นโยคะอย่างหักโหม แต่ก็ยังมีอีกหลายประเภทที่เราสามารถใช้พละกำลังน้อยกว่า นอกจากนี้หลายคนอาจจะยังสงสัยอยู่ว่า รูปแบบโยคะแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร แบบไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณกันแน่ ซึ่งเราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโยคะรูปแบบต่างๆให้มากขึ้นในบทความนี้
1. อัษฎางคโยคะ
อัษฎางคโยคะ เป็นโยคะประเภทหนึ่งที่ค่อนข้างจะต้องใช้พลังอย่างหนักเพื่อทำให้คุณเหงื่อออก สิ่งสำคัญคือ มีการฝึกการหายใจควบคู่กับการทำอัษฎางคโยคะไปด้วย เพื่อที่จะช่วยให้เราสามารถขับสารพิษจากกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ อัษฎางคโยคะ ยังเป็นที่รู้จักในชื่อโยคะกำลังอีกด้วย
ถ้าหากคุณเป็นสายออกกำลังกายหนัก ออกกำลังกายโหด และต้องการที่จะท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง ก็มาลองเล่นอัษฎางคโยคะ กันได้เลย
2. หฐโยคะ
หฐโยคะ ถือเป็นโยคะระดับเริ่มต้นหรือระดับทั่วไป เพื่อเสริมสร้างสมดุลและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย โดยคลาสหฐโยคะของแต่ละที่ จะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้ฝึกสอน สถานที่ และอุปกรณ์ที่ต้องใช้ขณะฝึกโยคะประเภทนี้
หฐโยคะ เหมาะกับผู้ที่พึ่งเริ่มฝึกเล่นโยคะ โดยเราจะได้เรียนท่าพื้นฐานต่างๆของโยคะ เพื่อช่วยให้เราสามารถยืดกล้ามเนื้อ ยืดหยุ่นร่างกาย และผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
3. ไอเยนคาร์โยคะ
ไอเยนคาร์โยคะ เป็นโยคะที่เน้นความสำคัญในด้านการจัดท่า และการกระจายน้ำหนักทั่วร่างกายอย่างสมดุลและถูกต้อง เพื่อที่ผู้ฝึกจะได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด การทำไอเยนคาร์โยคะ ยังต้องใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ผ้า เข็มขัดโยคะ สายคล้อง หรือหมอนรอง เป็นต้น
ไอเยนคาร์โยคะ เหมาะกับผู้ที่ต้องการจะเรียนรู้และพัฒนาเกี่ยวกับโครงสร้าง และความสมดุลของรูปร่าง
4. วินยาสะโยคะ
วินยาสะโยคะ หรือ โยคะโฟลว์ เป็นโยคะที่เน้นด้านการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ แทนการหยุดโพสและโพสท่าไว้สักระยะหนึ่ง ซึ่งการเคลื่อนไหวแบบนี้จะช่วยให้ร่างกายของเราขับความร้อนออกมาได้เป็นอย่างดี
วินยาสะโยคะเหมาะกับคนที่ต้องการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ ที่ไม่ใช่การเล่นโยคะด้วยการโพสท่าทางเป็นระยะเวลานานเหมือนโยคะทั่วไป เพราะวินยาสะโยคะถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการรู้สึกเหมือนออกกำลังกายอยู่ที่ยิม
5. หยินโยคะ
หยินโยคะ คือโยคะที่เน้นหนักไปทางแกนกลางของร่างกาย ซึ่งผู้เรียนต้องใช้เวลากับแต่ละท่าประมาณ 1-5 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อ ข้อต่อ และเส้นเอ็นได้ยืดเหยียดอย่างเต็มที่ ซึ่งการยืดเหยียดนี้จะช่วยให้เราผ่อนคลายได้มากขึ้น
หยินโยคะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกความยืดหยุ่นของร่างกาย และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะกับคนที่ต้องการผ่อนคลาย และปรับสมดุลร่างกายจากความเครียดที่สะสมมาระหว่างวัน
หากใครที่กำลังมองหาคลาสโยคะทั่วกรุงเทพ สามารถดูได้จาก ที่นี่เลย.
ความเห็น