หน้าหลัก › เว็บบอร์ด › ฟิตเนส › มวยไทย และศิลปะการต่อสู้ › มีศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบไหน ที่เหมาะกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ครับ
มีศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบไหน ที่เหมาะกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ครับ
Posted by ton on ธันวาคม 6, 2020 at 5:57 pmมีศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบไหน ที่เหมาะกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ครับ
แฟนผมอยากไปเรียนการป้องกันตัว แต่ไม่รู้จะเรียนวิชาอะไรครับขอบคุณมากครับ
cherry ตอบกลับ 3 years, 8 months ago 4 Members · 3 Replies- 3 Replies
คงต้องถามข้อมูลเพิ่มเติมครับ ว่าอยากเน้นป้องกันตัวเป็นหลัก เอาความรู้และเทคนิคล้วนๆที่ไม่เน้นอยากเรียนรู้ศิลปะหรือออกกำลังกาย หรืออยากเรียนแนวที่ได้ออกกำลังกายหรือได้ศิลปะ แล้วทักษะการป้องกันตัวเป็นผลพลอยได้ครับ
กับแนวป้องกันตัวที่ว่านี่กำลังพูดถึงสถานะการณ์แบบเลวร้ายที่ต้องเอาตัวรอดจากคนที่มีความดุดันและความตั้งใจสูงที่จะทำร้ายหรือเอาชีวิตเราจริงๆ หรือแนวแค่ใช้ป้องกันตัวจากคนที่เป็นภัยกวนใจแต่อาจไม่รุนแรงมากครับ
ในมุมมองของผมถ้าอยากเรียนเพื่อเน้นป้องกันตัวเป็นหลักจากสถานะการณ์เลวร้ายจริงๆ แล้วจำเป็นที่จะต้องเป็นเร็ว เพราะไม่มีเวลาพัฒนาทักษะฝึกซ้อมมาก (เช่นมีเวลาไปเรียนอาทิตย์ละครั้ง หรือ 2 อาทิตย์ครั้ง) ผมจะแนะนำให้ไปฝึกแนวพวก Combative, Self-Defense และแนว Fighting System มากกว่าจะไปฝึกศิลปะการต่อสู้แบบปกติที่มีความ traditional พวกอย่างเช่นแนววิชาอย่างเช่น Krav Maga, Defense Lab หรือ Joe Defensive Tactic น่าจะตอบโจทย์กว่าครับ ข้อดีของ System พวกนี้จะเรียนรู้ได้ค่อนข้างเร็วและง่าย อีกทั้งจะให้ความสำคัญกับเรื่องจิตวิทยา, การตื่นตัวกับสภาพแวดล้อม และ Mind Set กับ Tactic ในการเอาตัวรอดจากสถาณะการณ์ต่างๆที่ตอบโจทย์ชีวิตปัจจุบันโดยที่ไม่เน้นไปแค่ที่เทคนิคการต่อสู้หรือการพัฒนาศักยภาพในการต่อสู้เชิงกายภาพเพียงอย่างเดียวครับ
จุดด้อยของ system แนวนี้ก็อาจมี (ย้ำว่า “อาจมี” เพราะบางที่บาง system ก็สามารถช่วยกลบจุดอ่อนตรงนี้ได้ด้วยวิธีการฝึก) ในเรื่องของการพัฒนาทักษะและความเคยชินในการต่อสู้จริงผ่านการฝึกแบบมีแรงต้านที่สมจริง ซึ่งในแอเรียนี้บางทีพวก กีฬาการต่อสู้แบบ Full Contact หรือ Full Resistance อย่าง MMA, มวยไทยเวที, มวยสากล, บราซิลเลี่ยนยูยิตสู หรือ ยูโด ที่มีการซ้อมสู้กันอย่างสม่ำเสมอมักจะช่วยพัฒนาทักษะการต่อสู้จริงได้ดีกว่า เพราะผู้ฝึกจะได้รับประสพการณ์การลองสู้และลองประยุคใช้เทคนิคจริงๆกับคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือที่จะไม่ยอมเราง่ายๆ บวกกับได้เรื่องของการพัฒนา Fitness และศักยภาพการต่อสู้เชิงกายภาพไปในตัวด้วย แต่กีฬาการต่อสู้ก็มักจะมีข้อด้อยก็ในเชิงของเรื่องการ train เรื่องของ Mind Set, Tactic และจิตวิทยาในการรับมือสถาณะการณ์นอกสังเวียนครับ
ส่วนศิลปะการต่อสู้นี่ถ้ายิ่งเป็นผู้หญิงแรงน้อยมีข้อจำกัดทางกายภาพและเวลาในการฝึกซ้อม ผมไม่ค่อยแนะนำครับ ยิ่งถ้าเป็นวิชาที่เน้นไปทางท่าสวยงาม หรือใช้การกลไกของกล้ามเนื้อกับ Motor Skill ที่มีความซับซ้อน, มีฟอร์มรูปแบบที่ค่อนข้างฝืนธรรมชาติหรือสัญชาติญาณการเคลื่อนไหวของมนุษย์ที่ต้องพึ่งความแม่นยำสูง อย่าง ไอดิโด้, กังฟู, เทควันโด้, ฮัพคิโด หรือ ปันจะสิลัต เป็นต้น ยิ่งถ้าเป็นวิชาที่ไม่มีการต่อสู้แบบ Full Contact ยิ่งไม่แนะนำเลยครับ เพราะยากที่จะพัฒนาทักษะการต่อสู้จริงได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน
จากประสพการณ์ส่วนตัว ผมมองว่าทักษะและการเคลื่อนไหวที่เน้นความสวยงามที่ต้องใช้ละเอียดอ่อนและทักษะสูงเป็นวิชาที่ต้องใช้เวลา, ความพยายามและความทุ่มเท (บวกกับ commons sense ต้องสูงพอสมควร) ถึงจะมีความเป็นไปได้ในการไปปรับใช้ได้ครับ โอกาสที่จะพัฒนาให้ร่างกาย, การเคลื่อนไหวกับ Mind Set ให้มีความพร้อมกับการเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่เป็นภัยจริงๆจะมีภาษีต่ำกว่าอีก 2 แนววิชาที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ครับ
ส่วนตัวผมชอบแนะนำสูตรเรียน กีฬาการต่อสู้ที่มี Full Contact ไว้ซักอันเพื่อให้ได้ทักษะและศักยภาพทางกายภาพในการต่อสู้จริง แล้วเสริมวิชาสาย Combative เพื่อให้ได้ Mind Set และ Tactic จะเป็นสิ่งที่ลงตัวสุดครับ
วิ่ง 200 เมตร น่าจะเวิร์คครับ ไม่ก็สเปรย์ ปืนเล็กๆ หรือ ช๊อตไฟฟ้า น่าจะเวิร์ค
เอาจริงๆเคยไปเรียนไอคิโดมาครับ อาจารย์เป็นผู้หญิง ตอนนั้นแกสาธิตการป้องกันตัวยังสู้แรงเด็ก มอปลายผู้ชายสูง 175 หนัก 65 กิโลไม่ได้เลย
สุดท้ายแกก็ว่า และเหมือนนักกีฬาเทควันโดหญิงระดับเหรียญกรมพละ ก็เจอผู้ชายต่อยหาแหกมาแล้วได้คสามรู้เยอะมากเลยค่า ขอบคุณค่ะ นี่ก็กำลังหาข้อมูลเพื่อไปเรียนค่ะ😊
Log in to reply.